โรคฝีดาษวานร (Mpox)

ฝีดาษวานรคือโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสฝีดาษวานร เป็นการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน ซึ่งหมายความว่าสามารถแพร่กระจายจากสัตว์สู่คนได้ นอกจากนี้ยังแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ด้วย

ฝีดาษวานรคืออะไร

โรคฝีดาษวานรก่อให้เกิดอาการหลากหลาย ขณะที่บางคนมีอาการไม่รุนแรง บางคนอาจมีอาการรุนแรงกว่าและต้องเข้ารักษาในสถานพยาบาล หญิงตั้งครรภ์ เด็ก และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องมีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ ที่จะเกิดอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน

อาการของฝีดาษวานรที่พบได้ทั่วไปได้แก่ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง และต่อมน้ำเหลืองโต ในภายหลังอาจมีอาการอื่นๆ ตามมา เช่น มีตุ่มขึ้น ซึ่งจะอยู่ประมาณสองถึงสามสัปดาห์ ตุ่มนูนจะเกิดขึ้นได้ตามใบหน้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ตา จมูก คอ ขาหนีบ อวัยวะเพศ และรอบๆ ทวารหนัก จำนวนตุ่มนูนมีตั้งแต่หนึ่งไปจนถึงหลายพันตุ่ม ตุ่มจะเริ่มจากมีลักษณะแบน จากนั้นมีน้ำด้านใน ก่อนที่จะตกสะเก็ดและหลุดออก โดยที่ผิวหนังใหม่จะถูกสร้างขึ้นภายใต้สะเก็ด

อาการส่วนมากจะเป็นอยู่ 2-3 สัปดาห์แล้วหายไปได้เอง หรือโดยการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดปวดหรือแก้ไข้ ผู้ป่วยยังสามารถแพร่เชื้อได้จนกว่าตุ่มจะแห้งตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดออก และมีการสร้างชั้นผิวหนังขึ้นมาใหม่

ผู้ที่มีอาการซึ่งอาจต้องสงสัยว่าเป็นฝีดาษวานร หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันฝีดาษวานรควรโทรปรึกษา หรือไปยังสถานพยาบาลเพื่อรับคำแนะนำ

อาการของฝีดาษวานรมีอะไรบ้าง

ส่วนใหญ่ อาการต่างๆ ของฝีดาษวานรหายไปได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ในบางคน การติดเชื้ออาจนำไปสู่อาการแทรกซ้อนและอาจเสียชีวิตได้ ทารกที่เพิ่งคลอด เด็ก และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจมีความเสี่ยงต่ออาการรุนแรงกว่าและการเสียชีวิตจากฝีดาษวานร

ภาวะแทรกซ้อนจากฝีดาษวานรได้แก่ การติดเชื้อทุติยภูมิที่ผิวหนัง ปอดอักเสบ อาการสับสน และปัญหาเกี่ยวกับดวงตา/การมองเห็น ที่ผ่านมา ราว 1-10% ของผู้ติดเชื้อฝีดาษวานรเสียชีวิต สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงคือ อัตราการเสียชีวิตในบริบทที่ต่างกันอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลากหลาย เช่น การเข้าถึงการรักษาพยาบาล ตัวเลขเหล่านี้อาจเป็นการประมาณเกินจริงเพราะโดยทั่วไปในอดีตมีการเฝ้าระวังฝีดาษวานรค่อนข้างจำกัด

การป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากฝีดาษวานรเกิดขึ้นได้หรือไม่

ฝีดาษวานรติดจากคนสู่คนได้โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีตุ่มฝีดาษวานร ซึ่งรวมถึงใบหน้าสัมผัสกัน ผิวหนังสัมผัสกัน ปากสัมผัสกัน หรือปากสัมผัสกับผิวหนัง รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์

ขณะนี้ เรายังคงศึกษาอยู่ว่า ผู้ป่วยยืนยันฝีดาษวานรจะแพร่เชื้อได้เป็นระยะเวลานานเท่าใด แต่โดยทั่วไปถือว่ายังแพร่เชื้อได้จนกว่าตุ่มจะตกสะเก็ด สะเก็ดแห้งหลุดออก และผิวหนังชั้นใหม่ได้สร้างขึ้นมาแล้วใต้สะเก็ดที่หลุด

สภาวะแวดล้อมอาจมีการปนเปื้อนเชื้อฝีดาษวานรได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ติดเชื้อสัมผัสเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว สิ่งชอง เครื่องไฟฟ้าหรือพื้นผิวต่างๆ  ผู้อื่นที่มาสัมผัสสิ่งของปนเปื้อนสามารถติดเชื้อได้

นอกจากนี้ ยังเป็นไปได้ที่การติดเชื้อเกิดจากการหายใจเอาเศษจากผิวหนังหรือเชื้อไวรัสเข้าไปจากเสื้อผ้า เครื่องนอนหรือผ้าเช็ดตัว หรือ จากการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อไวรัสติดอยู่ (fomite transmission)

แผลร้อนใน ตุ่มหนอง หรือตุ่มพองในปากอาจติดเชื้อได้ ซึ่งหมายความว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับปาก กับฝอยละอองจากระบบทางเดินหายใจ และมีความเป็นไปได้ที่จะแพร่ทางละอองฝอยในระยะใกล้ กลไกการแพร่กระจายของฝีดาษวานรในอากาศยังไม่เป็นที่เข้าใจแน่ชัดในขณะนี้ และกำลังมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการแพร่กระจาย

นอกจากนี้ ไวรัสยังแพร่ได้จากหญิงตั้งครรภ์ไปสู่ทารกในครรภ์ และหลังคลอดผ่านทางการสัมผัสกันของผิวหนัง หรือจากพ่อแม่ที่เป็นผู้ป่วยยืนยันไปสู่เด็กเล็กหรือเด็ก ผ่านทางการสัมผัสใกล้ชิดกัน

แม้มีรายงานการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้ป่วยที่ไม่มีอาการเลยจะแพร่เชื้ออย่างไร หรือว่าเชื้อสามารถแพร่ได้ผ่านของเหลวอื่นๆในร่างกายหรือไม่ มีการพบชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมฝีดาษวานรในน้ำอสุจิ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าการติดเชื้อเกิดขึ้นผ่านน้ำอสุจิ  ของเหลวในช่องคลอด น้ำคร่ำ น้ำนมมารดาหรือเลือดหรือไม่ ขณะนี้กำลังมีการวิจัยว่าคนสามารถแพร่เชื้อฝีดาษวานรผ่านการแลกเปลี่ยนของเหลวเหล่านี้หรือไม่ ทั้งระหว่างและหลังมีอาการ

ฝีดาษวานรติดจากคนสู่คนอย่างไร

ฝีดาษวานรติดจากสัตว์สู่คนได้เมื่อคนสัมผัสใกล้ชิดสัตว์ป่วย และสัตว์ที่เป็นพาหะรวมถึงสัตว์กัดแทะและสัตว์ในตระกูลลิง เราสามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อจากสัตว์ได้ด้วยการลดการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน โดยเฉพาะสัตว์ป่วยหรือซากสัตว์ที่ตาย (รวมถึงเนื้อสัตว์และเลือดด้วย) ในประเทศที่มีฝีดาษวานรเป็นโรคประจำถิ่นซึ่งสัตว์อาจเป็นพาหะได้นั้น อาหารชนิดใดก็ตามที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์และชิ้นส่วนจากสัตว์ควรได้รับการปรุงสุกให้ทั่วถึงก่อนที่จะบริโภค

ฝีดาษวานรติดจากสัตว์สู่คนอย่างไร

ผู้ป่วยยืนยันฝีดาษวานรหรือผู้ป่วยต้องสงสัยควรเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ รวมถึงสัตว์เลี้ยง (เช่น แมว สุนัข หนูแฮมสเตอร์  หนูเจอร์บิล เป็นต้น) ตลอดจนปศุสัตว์และสัตว์ป่า ผู้ป่วยฝีดาษวานรควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่ออยู่ใกล้สัตว์ที่มีความไวต่อการติดเชื้อฝีดาษวานร รวมถึงสัตว์กัดแทะและไพรเมท(สัตว์ตระกูลลิง)ด้วย

ฝีดาษวานรติดจากคนสู่สัตว์ได้หรือไม่

คนที่อยู่ร่วมกับ หรือสัมผัสใกล้ชิดกับ(รวมถึงมีเพศสัมพันธ์กับ)ผู้ป่วยยืนยันฝีดาษวานร หรือผู้ที่มีการสัมผัสเป็นประจำกับสัตว์ มีความเสี่ยงสูงที่สุดในการติดเชื้อ บุคลากรสาธารณสุขควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อเพื่อป้องกันตนเองในขณะที่ดูแลผู้ป่วยฝีดาษวานร

ทารกแรกเกิด เด็กเล็กและผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องมีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงกว่า และในบางกรณีซึ่งไม่ได้เกิดมากนัก อาจถึงขั้นเสียชีวิต

ผู้ที่ได้รับวัคซีนฝีดาษแล้วอาจมีภูมิคุ้มกันในระดับหนึ่งจากฝีดาษวานร

อย่างไรก็ตาม คนที่อายุน้อยกว่ามีแนวโน้มว่าจะยังไม่ได้รับวัคซีนฝีดาษ เนื่องจากทั่วโลกได้หยุดการให้วัคซีนฝีดาษไปแล้วเมื่อโรคได้ถูกกำจัดไปในปีค.ศ. 1980 อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับวัคซีนฝีดาษแล้วควรทำตามมาตรการป้องกันต่อไปเพื่อป้องกันตนเองและผู้อื่น

ใครบ้างมีความเสี่ยงที่จะติดฝีดาษวานร

ลดความเสี่ยงการติดฝีดาษวานรด้วยการจำกัดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยต้องสงสัยหรือผู้ป่วยยืนยัน หรือกับสัตว์ป่าที่อาจติดเชื้อ หมั่นทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสิ่งแวดล้อมที่อาจปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากผู้ติดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับฝีดาษวานรในพื้นที่และพูดคุยอย่างเปิดเผยกับคนใกล้ชิด(โดยเฉพาะผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย) เกี่ยวกับอาการที่ตัวเองหรือคนใกล้ชิดมี

ถ้าคิดว่าอาจติดฝีดาษวานร เราสามารถป้องกันตนเองและผู้อื่นได้โดยการปรึกษาแพทย์ และแยกตัวเองจากผู้อื่นจนกว่าจะได้รับการประเมินอาการและตรวจวินิจฉัยแล้ว

หากเป็นผู้ป่วยต้องสงสัยหรือผู้ป่วยยืนยัน ควรแยกตัวเองจากผู้อื่นจนกว่าสะเก็ดจะหลุดออกและผิวหนังชั้นใหม่สร้างขึ้นมาแล้วใต้สะเก็ดที่หลุด สิ่งนี้จะช่วยหยุดการแพร่เชื้อไวรัสไปยังผู้อื่นได้ ขอคำปรึกษาจากบุคลากรสาธารณสุขว่าควรจะแยกกักที่บ้านหรือสถานพยาบาล แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันตนเองเป็นเวลา  12 สัปดาห์หลังจากหายแล้วไปจนกว่าเราจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการติดต่อผ่านสารคัดหลั่งทางเพศสัมพันธ์

เราจะป้องกันตัวเองและผู้อื่นจากฝีดาษวานรอย่างไร

หากมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยฝีดาษวานรหรือสภาวะแวดล้อมที่อาจปนเปื้อนเชื้อไวรัส ให้ติดตามอาการตนเองอย่างใกล้ชิด เพื่อดูอาการและอาการแสดงเป็นเวลา 21 วันหลังจากสัมผัสเชื้อครั้งสุดท้าย จำกัดการใกล้ชิดกับผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และหากเลี่ยงไม่ได้ แจ้งให้ผู้สัมผัสทราบว่า ท่านมีประวัติสัมผัสเชื้อฝีดาษวานร

หากคิดว่ามีอาการฝีดาษวานร ควรติดต่อสถานพยาบาลเพื่อขอคำแนะนำ รับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา หากเป็นไปได้ แยกตัวเองจากผู้อื่นจนกว่าจะได้รับผลตรวจและล้างมือบ่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ

หากมีผลตรวจฝีดาษวานรเป็นบวก หน่วยบริการทางสาธารณสุขจะให้คำแนะนำว่าควรแยกกักตัวที่บ้านหรือที่สถานพยาบาล และแนะนำว่าท่านต้องได้รับการดูแลรักษาอะไรบ้าง

ควรทำอย่างไร หากท่านคิดว่าอาจเป็นฝีดาษวานร หรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษวานร

หากท่านติดฝีดาษวานร สถานพยาบาลจะแนะนำว่าควรได้รับการักษาในสถานพยาบาลหรือที่บ้าน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจนำไปสู่อาการรุนแรงขึ้น และการลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไปยังผู้ที่อยู่อาศัยร่วมกัน

หากได้รับคำแนะนำให้แยกกักตัวที่บ้าน ไม่ควรออกไปไหน และควรปกป้องคนอื่นๆ ที่อยู่อาศัยร่วมกันให้มากเท่าที่จะทำได้โดย

  • แยกกักตัวในห้องแยกต่างหาก
  • ใช้ห้องน้ำแยกต่างหาก หรือทำความสะอาดห้องน้ำหลังใช้ทุกครั้ง
  • ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสร่วมบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่และด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ในบ้าน เลี่ยงการกวาดและดูดฝุ่น (เนื่องจากอาจทำให้ส่วนประกอบของไวรัสฟุ้งกระจายและทำให้ผู้อื่นติดเชื้อ)
  • แยกเครื่องใช้ ผ้าเช็ดตัว เครื่องนอนและเครื่องไฟฟ้า
  • แยกซักผ้า (ยกเตียง ย้ายเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวอย่างระมัดระวัง โดยไม่สะบัด) ใส่เครื่องใช้ที่ใช้แล้วในถุงพลาสติกก่อนนำไปยังเครื่องซักผ้า และใช้น้ำร้อนมากกว่า 60 องศาเซลเซียส)
  • เปิดหน้าต่างเพื่อให้มีการระบายอากาศที่ดี
  • ให้ทุกคนในครัวเรือนล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือด้วยเจลแอลกอฮอล์

หากเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องอยู่ร่วมห้องกับผู้อื่นหรือต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่นในขณะที่แยกกักตัวที่บ้าน ให้ทำทุกอย่างเพื่อลดความเสี่ยงโดย

  • ไม่ถูกเนื้อต้องตัวหรือสัมผัสกัน
  • ล้างมือบ่อยๆ
  • ใช้การสวมเสื้อผ้าหรือผ้าพันแผลปิดตุ่ม/ผื่น
  • เปิดหน้าต่างให้ทั่วบ้าน
  • ผู้ป่วยและทุกคนที่อยู่ร่วมบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยที่กระชับพอดีกับใบหน้า
  • รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตรจากผู้อื่น
  • ให้ทุกคนในครัวเรือนล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือด้วยเจลแอลกอฮอล์

 

หากไม่สามารถซักผ้าเองได้และต้องให้ผู้อื่นซักให้ ผู้ซักควรสวมหน้ากากอนามัยที่กระชับพอดีกับใบหน้า สวมใส่ถุงมือชนิดใช้แล้วทิ้ง และทำตามข้อควรระวังของการซักผ้าตามที่กล่าวถึงไปแล้วในเบื้องต้น

หากติดฝีดาษวานร ท่านควรทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นติดเชื้อ

มี เมื่อไม่นานมานี้มีวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ป้องกันฝีดาษวานร ได้ บางประเทศแนะนำการฉีดวัคซีนให้ผู้มีความเสี่ยง หลังจากมีการศึกษาวิจัยมาหลายปีก็นำไปสู่การพัฒนาวัคซีนที่ใหม่และปลอดภัยกว่าสำหรับโรคที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกำจัดไปแล้ว ซึ่งเรียกว่า โรคฝีดาษ ซึ่งอาจมีประโยชน์ในการป้องกันฝีดาษวานรด้วย หนึ่งในวัคซีนเหล่านั้นได้รับการอนุมัติให้ใช้ป้องกันฝีดาษวานรในเฉพาะบุคคลที่มีความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันควรได้รับการพิจารณาให้ฉีดวัคซีน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแนะนำให้ฉีดวัคซีนในวงกว้างใน ขณะที่วัคซีนโรคฝีดาษได้แสดงให้เห็นว่าสามารถป้องกันฝีดาษวานรได้ในอดีต ข้อมูลในปัจจุบันเกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีนฝีดาษและฝีดาษวานรชนิดใหม่ในการป้องกันฝีดาษวานร(ทั้งการใช้ทางคลินิกและในบริบทจริง)ยังมีจำกัด การศึกษาผลการใช้วัคซีนสำหรับฝีดาษวานรในพื้นที่ที่มีการใช้วัคซีนจะทำให้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีนในบริบทที่ต่างกัน

มีวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรหรือไม่

ผู้ป่วยฝีดาษวานรควรทำตามคำแนะนำของผู้ให้บริการสาธารณสุข โดยทั่วไปอาการสามารถ หายได้เองโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีการรักษา หากจำเป็น สามารถนำยาแก้ปวดและยาแก้ไข้มาใช้ได้เพื่อบรรเทาอาการ สำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยฝีดาษวานร ต้องดื่มน้ำให้มาก ทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนเพียงพอ ผู้ที่แยกกักตัวเอง ควรดูแลสุขภาพจิต ด้วยการทำกิจกรรมเพื่อการพักผ่อน และเพื่อความสนุกสนาน โดยติดต่อกับบุคคลอันเป็นที่รัก ผ่านทางการใช้เทคโนโลยี หากมีเรี่ยวแรง แข็งแรงพอ ควรออกกำลังกาย ขณะที่แยกกักอยู่ ควรขอความช่วยเหลือหากต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต

ผู้ป่วยฝีดาษวานรควรเลี่ยงการเกาบริเวณผิวหนังและควรดูแลบริเวณผื่นคันด้วยการล้างมือก่อนและหลังการจับบริเวณตุ่มนูน และรักษาบริเวณตุ่มนูนให้แห้งโดยที่ไม่ต้องปิด (ยกเว้นกรณีที่เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งควรปกปิดบริเวณผื่นคันด้วยเสื้อผ้าหรือผ้าพันแผลจนกว่าจะสามารถแยกตัวจากผู้อื่นได้อีก) สามารถดูแลผื่นคันให้สะอาดด้วยการล้างน้ำผ่านการฆ่าเชื้อหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ สามารถใช้น้ำเกลือกลั้วปากได้สำหรับตุ่มพองในปาก และสามารถใช้น้ำอุ่นผสมเบคกิ้งโซดาและแมคนีเซียมซัลเฟตทำความสะอาดตุ่มนูนที่ร่างกาย ใช้ยาลิโดเคนทาตุ่มในปากและบริเวณทวารหนักเพื่อบรรเทาปวดได้

การทดลองหลายปีเพื่อศึกษายารักษาฝีดาษได้นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อาจเป็นประโยชน์ในการรักษาฝีดาษวานรได้ ยาต้านไวรัสที่พัฒนาเพื่อรักษาฝีดาษ(เทโควิริแมท)ได้รับการอนุมัติโดยองค์การยาแห่งสหภาพยุโรปในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 2022 ให้ใช้รักษาฝีดาษวานร ขณะนี้ประสบการณ์ในการรักษาฝีดาษวานรในบริบทการระบาดครั้งนี้ยังมีจำกัด ด้วยเหตุนี้ การใช้ยาจึงควรเป็นไปตามข้อมูลที่จะมีการเก็บเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจการใช้ยาได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

การรักษาผู้ป่วยฝีดาษวานร

ขณะนี้มีการแพร่ระบาดฝีดาษวานรในหลายประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปไม่เคยมีการพบเชื้อไวรัสมาก่อน  อาทิเช่น ในทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปแอฟริกา ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก และหลายประเทศในเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก มีรายงานผู้ป่วยมากกว่าปกติ ใน ปีค.ศ. 2022 ในหลายส่วนของทวีปแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง องค์การอนามัยโลกกำลังทำงานร่วมกับหลายประเทศที่มีการแพร่ระบาด เพื่อยกระดับการเฝ้าระวัง และให้แนวทางในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดและการดูแลรักษาผู้ป่วย

มีรายงานพบผู้ป่วยฝีดาษวานรในหลายประเทศในทวีปแอฟริกาหลายปีก่อนที่การแพร่ระบาดครั้งนี้จะเกิดขึ้น ได้แก่ คาเมอรูน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง สาธารณรัฐคองโก โกตดิวัวร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตคองโก  กาบอง ไลบีเรีย ไนจีเรีย และเซียร์ราลีโอน บางประเทศเหล่านี้มีผู้ป่วยเพียงไม่กี่ราย ในขณะที่บางประเทศมีการระบาดซ้ำหลายระลอก การระบาดเป็นครั้งคราวในประเทศอื่น มีความเชื่อมโยงกับการเดินทางจากประเทศไนจีเรีย การระบาดในปัจจุบันนี้ซึ่งมีผลกระทบต่อหลายประเทศในครั้งเดียวกัน ไม่เหมือนการระบาดในลักษณะเดิมที่เคยเกิดขึ้น

ที่ไหนบ้างในโลก ที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาดฝีดาษวานร

ขณะนี้มีการแพร่ระบาดฝีดาษวานรในหลายประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปไม่เคยมีการพบเชื้อไวรัสมาก่อน  อาทิเช่น ในทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปแอฟริกา ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก และหลายประเทศในเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก มีรายงานผู้ป่วยมากกว่าปกติ ใน ปีค.ศ. 2022 ในหลายส่วนของทวีปแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง องค์การอนามัยโลกกำลังทำงานร่วมกับหลายประเทศที่มีการแพร่ระบาด เพื่อยกระดับการเฝ้าระวัง และให้แนวทางในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดและการดูแลรักษาผู้ป่วย

 

มีรายงานพบผู้ป่วยฝีดาษวานรในหลายประเทศในทวีปแอฟริกาหลายปีก่อนที่การแพร่ระบาดครั้งนี้จะเกิดขึ้น ได้แก่ คาเมอรูน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง สาธารณรัฐคองโก โกตดิวัวร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตคองโก  กาบอง ไลบีเรีย ไนจีเรีย และเซียร์ราลีโอน บางประเทศเหล่านี้มีผู้ป่วยเพียงไม่กี่ราย ในขณะที่บางประเทศมีการระบาดซ้ำหลายระลอก การระบาดเป็นครั้งคราวในประเทศอื่น มีความเชื่อมโยงกับการเดินทางจากประเทศไนจีเรีย การระบาดในปัจจุบันนี้ซึ่งมีผลกระทบต่อหลายประเทศในครั้งเดียวกัน ไม่เหมือนการระบาดในลักษณะเดิมที่เคยเกิดขึ้น

ที่ไหนบ้างในโลก ที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาดฝีดาษวานร

หลายประเทศที่โดยทั่วไปไม่เคยมีการพบฝีดาษวานรมาก่อน ได้รายงานการพบผู้ป่วยในปี ค.ศ.2022 ในการระบาดครั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่(แต่ไม่ใช่ทั้งหมด)อยู่ในกลุ่มชายรักชาย ซึ่งเพิ่งมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนใหม่หรือคู่นอนหลายคน ในหลายกรณี มีรายงานอาการน้อยกว่าที่เคยพบในอดีต สำหรับข้อมูลจำนวนผู้ป่วยล่าสุดและประเทศที่รายงานผู้ป่วย คลิ้กที่นี่

ณ วันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ.2022 ไม่มีรายงานพบความเชื่อมโยงกับสัตว์ป่วย และไม่มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างผู้ป่วยที่รายงานและการเดินทางจากประเทศที่เคยมีการระบาดในทวีปแอฟริกา ในการระบาดครั้งนี้ พบว่าโดยทั่วไป มีรายงานประวัติการเดินทางล่าสุดจากภูมิภาคอื่นๆ ของโลก

เราเข้าใจว่าการระบาดครั้งนี้น่ากังวลสำหรับหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่มีบุคคลอันเป็นที่รักหรือคนในชุมชนได้รับผลกระทบ สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือ การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับฝีดาษวานรในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อและให้คำแนะนำว่าจะจำกัดการแพร่ระบาดจากคนสู่คนในอนาคตได้อย่างไร อีกสิ่งงที่สำคัญคือการที่บุคลากรสาธารณสุขจะสามารถระบุตัวผู้ป่วย วินิจฉัยโรคและดูแลรักษาผู้ป่วยได้

จำเป็นอย่างยิ่งที่เราไม่ควรตีตราผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดนี้เพราะใครก็สามารถติดเชื้อได้ และการตีตราจะมีผลต่อความพยายามในการควบคุมโรค องค์การอนามัยโลกกำลังร่วมมือกับประเทศสมาชิกในด้านการเฝ้าระวัง ความพร้อม และการตอบโต้สถานการณ์ระบาดในประเทศที่ได้รับผลกระทบ

กำลังมีการศึกษาวิจัยในประเทศที่ได้รับผลกระทบว่าคนสัมผัสเชื้อฝีดาษวานรอย่างไร มีการดำเนินการเพื่อให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยและมีการใช้มาตรการทางสาธารณสุขเพื่อจำกัดการระบาดเพิ่มขึ้น

เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการแพร่ระบาดฝีดาษวานรในหลายประเทศในค.ศ.2022

ฝีดาษวานรไม่ได้ติดต่อง่ายเท่าโรคติดเชื้อชนิดอื่น  เนื่องจากต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน (ตัวอย่างเช่น ใบหน้าสัมผัสกัน ผิวหนังสัมผัสกัน ปากสัมผัสกับผิวหนัง  หรือ ปากสัมผัสกัน)  ในสภาวะแวดล้อมที่ปนเปื้อน หรือต้องมีสัตว์ติดเชื้อที่จะแพร่เชื้อ เรายังมีโอกาสที่จะควบคุมการระบาดครั้งนี้ โดยการทำงานใกล้ชิดกับสมาชิกในชุมชนและประชากรกลุ่มเสี่ยงเพื่อหยุดยั้งการแพร่ ระบาด และสามารถดำเนินการเพื่อลดการระบาด

องค์การอนามัยโลกตอบโต้การระบาดในครั้งนี้โดยจัดลำดับความสำคัญให้อยู่ในระดับสูง เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดมากขึ้น การเรียนรู้ว่าไวรัสแพร่กระจายอย่างไรในการระบาดครั้งนี้ และการปกป้องผู้คนจากการติดเชื้อ เป็นความสำคัญลำดับต้นๆ ขององค์การอนามัยโลก นอกจากนี้ การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์จะช่วยหยุดยั้งการระบาดเพิ่มขึ้นด้วย

มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดใหญ่หรือไม่

ฝีดาษวานรแพร่ระบาดได้ทางการสัมผัสใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะใด ซึ่งรวมถึงการจูบ สัมผัสลูบไล้ และการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ช่องคลอดหรือทวารหนักกับผู้ติดเชื้อ ใครที่มีผื่นขึ้นใหม่หรือผื่นลักษณะผิดปกติ หรือตุ่มนูนควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะได้รับการตรวจว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือฝีดาษวานร ฝีดาษวานรอาจคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ เช่นโรคสุกใส โรคเริมและซิฟิลิส ส่วนนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ป่วยจำนวนหลายรายในการระบาดครั้งนี้ได้รับการตรวจพบในผู้ที่เข้ารักษาในคลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พึงระลึกไว้ว่าผื่นอาจขึ้นในบริเวณที่ไม่ได้เห็นได้ง่าย ซึ่งรวมถึงในปาก ในลำคอ อวัยวะเพศ ช่องคลอดและบริเวณทวารหนัก

ขณะที่ไวรัสฝีดาษวานรพบได้ในน้ำอสุจิ ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าฝีดาษวานรติดต่อได้ทางน้ำอสุจิหรือของเหลวในช่องคลอด จึงแนะนำให้ผู้ที่เป็นฝีดาษวานรใช้ถุงยางอนามัยเป็นเวลา 12 สัปดาห์หลังจากหายแล้ว จนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับเชื้อไวรัสที่ทำให้ติดเชื้อได้ในน้ำอสุจิในช่วงหลังจากที่อาการหายแล้ว การใช้ถุงยางอนามัยไม่ได้ป้องกันการติดฝีดาษวานร แต่สามารถป้องกันท่านและผู้อื่นจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายชนิด

หากเป็นไปได้ แลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกับคู่นอนใหม่ ถึงแม้เป็นคนที่คิดว่าจะไม่เจอกันอีกแล้ว หากทำเช่นนี้ ท่านจะได้รับการแจ้งเตือนหากคู่นอนมีอาการหรือท่านจะสามารถแจ้งเตือนคู่นอนได้หากท่านมีอาการ ผู้ที่มีคู่นอนหลายคนควรพยายามลดความเสี่ยงการสัมผัสโรคฝีดาษวานรด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการ การลดจำนวนคู่นอนจะช่วยลดความเสี่ยงได้

ไวรัสไม่ได้แพร่กระจายเฉพาะทางเพศสัมพันธ์ แต่ทางการสัมผัสใกล้ชิดทุกรูปแบบกับผู้ติดเชื้อ ผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกันจะมีความเสี่ยงสูงกว่า ผู้ที่มีอาการที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีดาษวานรควรขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในทันที

เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับฝีดาษวานรและเพศสัมพันธ์

ความเสี่ยงของการติดฝีดาษวานรไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำหรือกลุ่มชายรักชายเท่านั้น ใครก็ตามที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการถือว่ามีความเสี่ยง

ผู้ป่วยหลายรายที่มีการายงานในการระบาดครั้งนี้อยู่ในกลุ่มชายรักชาย เนื่องจากในขณะนี้ไวรัสกำลังติดต่อจากคนสู่คนในสังคมของคนกลุ่มนี้ ชายรักชายจึงอาจมีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะสัมผัสเชื้อหากมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ

มีการรายงายผู้ป่วยฝีดาษวานรบางรายในคลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เหตุผลหนึ่งที่เราได้รับรายงานผู้ป่วยฝีดาษวานรในกลุ่มชายรักชาย อาจเป็นเพราะประชากรในกลุ่มนี้มีพฤติกรรมในการเข้ารักษาเมื่อมีปัญหาทางสุขภาพ  ผื่นฝีดาษวานรคล้ายกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรค เช่น เริมและซิฟิลิส ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของคำอธิบายว่าทำไมจึงมีการพบผู้ป่วยเหล่านี้ที่คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ขณะที่เราศึกษาเพิ่มเติม เราอาจได้รับรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในกลุ่มประชากรอื่นๆ

การทำงานร่วมกับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศและกลุ่มชายรักชายเพื่อสร้างความตระหนักรู้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการปกป้องผู้ที่มีความเสี่ยงสูงสุด หากท่านอยู่ในกลุ่มชายรักชาย ควรพึงตระหนักว่าความเสี่ยงคืออะไรและทำตามขั้นตอนเพื่อปกป้องตัวเองและผู้อื่น ผู้ที่มีอาการซึ่งอาจเป็นฝีดาษวานรควรขอคำแนะนำจากผู้ให้บริการสาธารณสุขทันทีและควรรับการตรวจและรักษา

ชายรักชายมีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะติดฝีดาษวานรหรือไม่

เราได้เห็นข้อความตีตราคนหลายหลุ่มในการแพร่ระบาดของฝีดาษวานรครั้งนี้ ทางองค์การอนามัยโลกอยากชี้แจงว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ประเด็นแรกคือ ผู้ใดก็ตามที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยฝีดาษวานรถือว่ามีความเสี่ยง

ประเด็นที่สองคือ การตีตรากลุ่มคนด้วยเหตุผลทางการเจ็บป่วยหรือด้วยโรคใดๆ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ การตีตรามีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นและหยุดยั้งเราจากการยุติการระบาดครั้งนี้โดยเร็วที่สุด เราต้องร่วมกันและช่วยเหลือผู้ที่ติดเชื้อหรือผู้ที่ดูแลผู้ป่วย เรารู้ว่าเราจะหยุดยั้งโรคนี้ได้อย่างไร และรู้ว่าจะปกป้องตัวเองและผู้อื่นอย่างไร การตีตราและการเลือกปฏิบัติเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และไม่ควรทำในสถานการณ์การระบาดนี้ เราทุกคนอยู่ในสถานการณ์นี้ร่วมกัน

องค์การอนามัยโลกมีการตอบโต้อย่างไรในกรณีที่มีข้อความตีตราเกี่ยวกับฝีดาษวานรเผยแพร่ในช่องทางออนไลน์

ผู้ใดก็ตามที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยฝีดาษวานรถือว่ามีความเสี่ยง

หากติดเชื้อเอชไอวีแล้วไม่ได้รับการรักษา เอชไอวีอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อหากสัมผัสกับเชื้อ และเพิ่มความเสี่ยงในการมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตจากฝีดาษวานร อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีข้อมูลมากกว่าในขณะนี้เพื่อให้เข้าใจในส่วนนี้

ผู้ป่วยโรคอื่นๆ ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจมีความเสี่ยงเป็นโรครุนแรงจากฝีดาษวานร ผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีที่รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง และสามารถเข้าถึง การรักษา สามารถไปถึงจุดที่ร่างกายกดเชื้อไวรัสไว้ได้ ส่วนนี้หมายความว่าระบบภูมิคุ้มกันจะมีความเปราะบางต่อการติดเชื้ออื่นๆ น้อยกว่า เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่ได้รับการรักษาเลย หลายคนในการระบาดครั้งนี้เป็นผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี แต่มีผู้ป่วยรุนแรงไม่กี่ราย ซึ่งน่าจะมาจากการที่สามารถควบคุมการติดเชื้อเอชไอวีได้ดีนั่นเอง ขณะนี้มีการทำการศึกษาวิจัยเพื่อตอบคำถามเหล่านี้

ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน รวมถึงผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีควรทำตามขั้นตอนเพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการ นอกจากนี้ การลดจำนวนคู่นอนจะช่วยลดความเสี่ยงได้

ความเสี่ยงในการติดเชื้อ มีอาการรุนแรง และเสียชีวิตจากฝีดาษวานรสูงกว่าหรือไม่ หากเป็นผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี

ส่วนนี้เป็นคำถามที่บุคลากรสาธารณสุขกำลังหาคำตอบอยู่

 ขณะนี้ เรายังไม่ทราบว่า การป่วยเป็นโรคโควิด 19 หรือมีอาการลองโควิดทำให้มีความเปราะบางต่อโรคฝีดาษวานรมากขึ้นหรือไม่ ต้องมีการศึกษาในผู้ป่วยโควิด 19 หรือผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด 19 หรือมีอาการลองโควิด และปัจจุบันติดเชื้อฝีดาษวานร

 

หากท่านติดเชื้อโควิด 19 อยู่ตอนนี้ ทำตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก เลี่ยงการติดต่อกับผู้อื่นเพื่อป้องการแพร่เชื้อไวรัส และติดตามอาการเพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม หากคิดว่ามีอาการลองโควิด ติดต่อเจ้าหน้าที่บริการสาธารณสุขเพื่อขอความช่วยเหลือ

โอกาสติดฝีดาษวานรหรือมีอาการรุนแรงจะสูงขึ้นหรือไม่หากป่วยเป็นโรคโควิด 19 หรือมีอาการลองโควิด

ท่านสามารถช่วยเหลือภาคบริการสุขภาพในพื้นที่ได้ด้วยการทำในส่วนที่ท่านทำได้เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ซึ่งรวมถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย หากมีช่องทางออนไลน์ วิดีโอคอล หรือโทรศัพท์ซึ่งเหมาะสมกับคำถามหรืออาการที่มี ให้ใช้บริการทางไกลเพื่อลดภาระของการเข้าไปรับบริการด้วยตัวเอง การทำตามขั้นตอนเพื่อปกป้องตนเองและผู้อื่นจากฝีดาษวานรจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วย ช่วยให้การระบาดสิ้นสุดและในที่สุดช่วยลดภาระต่อภาคบริการสุขภาพ

ผู้ที่มีอาการซึ่งอาจเป็นฝีดาษวานรควรขอคำแนะนำจากผู้ให้บริการสาธารณสุขทันทีและควรรับการตรวจและรักษา แม้ว่าจะไม่มีเวลาว่าง เพราะฝีดาษวานรแพร่กระจายทางการสัมผัสใกล้ชิด ให้ระมัดระวังในการไม่แพร่เชื้อให้บุคลากรสาธารณสุข โทรไปล่วงหน้าเพื่อแจ้งว่ามีอาการต้องสงสัยเป็นฝีดาษวานร สวมหน้ากาก และสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิวได้มิดชิดเมื่อไปรับบริการ

บริการด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในพื้นที่กำลังมีภาระงานล้นมือ จะทำอะไรได้บ้างเพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่

เด็กสามารถติดฝีดาษวานรได้ถ้ามีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการ ข้อมูลจากประเทศที่เคยมีการระบาดก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าเด็กมีแนวโน้มจะมีอาการรุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ มีเด็กจำนวนหนึ่งซึ่งติดฝีดาษวานรในการระบาดในขณะนี้

เด็กสามารถติดฝีดาษวานรได้ไหม

ผื่นฝีดาษวานรอาจคล้ายกับโรคทั่วไปในเด็ก เช่น โรคสุกใสและการติดเชื้อไวรัสอื่นๆ หากเด็กที่ท่านดูแลมีอาการที่อาจเป็นฝีดาษวานร ให้ขอคำแนะนำจากผู้ให้บริการสุขภาพ เจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือให้ได้ตรวจและเข้าถึงการรักษาที่จำเป็น

เด็กอาจมีความเสี่ยงมากกว่าที่จะเป็นฝีดาษวานรชนิดอาการรุนแรงเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ เด็กควรได้รับการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะหายในกรณีที่อาจต้องการการรักษาเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่สาธาณรสุขที่ดูแลเด็กอาจแนะนำให้เด็กได้รับการรักษาในสถานพยาบาล

ในกรณีนี้ ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลซึ่งสุขภาพแข็งแรงและมีความเสี่ยงต่ำในการติดฝีดาษวานรควรได้รับอนุญาตให้แยกกักอยู่กับเด็กด้วย

ควรทำอย่างไร หากเด็กที่ดูแลอยู่มีอาการที่อาจเป็นฝีดาษวานร

ยังต้องมีงานวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจความเสี่ยงของฝีดาษวานรในช่วงตั้งครรภ์ และเข้าใจว่าไวรัสแพร่จากแม่ไปยังทารกในครรภ์หรือทารกแรกเกิดหรือขณะให้นมบุตรอย่างไร ขณะนี้ข้อมูลที่มีบ่งชี้ว่าการติดฝีดาษวานรช่วงตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้

หากท่านตั้งครรภ์ เลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยฝีดาษวานร ทุกคนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยสามารถติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร

หากคิดว่าไปสัมผัสเชื้อมา หรือมีอาการซึ่งอาจเป็นฝีดาษวานร ควรติดต่อผู้ให้บริการสาธารณสุข เจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือเรื่องการตรวจและการเข้าถึงบริการรักษา

ความเสี่ยงของฝีดาษวานรในช่วงตั้งครรภ์เป็นอย่างไร

หากเป็นผู้ป่วยยืนยันฝีดาษวานรหรือผู้ป่วยต้องสงสัย ให้ปรึกษาผู้ให้บริการสุขภาพเพื่อขอคำแนะนำ เจ้าหน้าที่จะประเมินความเสี่ยงของการแพร่เชื้อฝีดาษวานรตลอดจนความเสี่ยงของการระงับให้นมบุตรแก่ทารก หากเป็นไปได้ที่จะให้นมบุตรต่อและมีการสัมผัสใกล้ชิดกัน เจ้าหน้าที่จะแนะนำว่าควรจะลดความเสี่ยงอย่างไรโดยการทำตามมาตรการป้องกันต่างๆ เช่น ปิดบริเวณที่เป็นตุ่มนูนและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัส ความเสี่ยงของการติดเชื้อควรจะได้รับการพิจารณาอย่างเหมาะสม ว่าสมดุลกับอันตรายหรือความเครียดที่อาจเกิดได้จากการที่แม่ให้นมบุตรต้องหยุดชะงักและการที่สัมผัสใกล้ชิดระหว่างแม่และเด็กต้องขาดหายไปช่วงหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจนว่าไวรัสฝีดาษวานรสามารถแพร่จากแม่สู่ลูกผ่านทางนมแม่ และยังคงเป็นอีกประเด็นที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม

ยังคงให้นมบุตรต่อได้หรือไม่ หากได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นฝีดาษวานร

โรคนี้ถูกเรียกว่าฝีดาษวานรเพราะมีการพบครั้งแรกในกลุ่มลิงที่เลี้ยงไว้เพื่องานวิจัยในปี ค.ศ. 1958 ต่อมาได้มีการพบโรคในคนในปี ค.ศ.1970

ทำไมโรคจึงมีชื่อว่า “ฝีดาษวานร”

ท่านไม่ควรบริจาคเลือดหากรู้สึกว่าไม่สบาย หากมีนัดบริจาคเลือด ประเมินสุขภาพของตนและติดตามอาการฝีดาษวานรและนัดหมายใหม่หากยังคงป่วย

มีระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัดสำหรับผู้ที่จะบริจาคเลือด ผู้บริจาคจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพว่ารู้สึกอย่างไรและมีอาการอะไรในขณะนั้นหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นขั้นตอนในการลดความเสี่ยงของการที่ผู้บริจาคจะเป็นโรคติดเชื้อขณะให้เลือด

ขณะนี้ยังไม่มีรายงานฝีดาษวานรแพร่กระจายทางการถ่ายเลือด

ไวรัสฝีดาษวานรแพร่ทางการถ่ายเลือดได้หรือไม่

โรคสุกใสเกิดจากไวรัสอีกชนิดหนึ่ง (ไวรัสวาริเซลลา) การติดเชื้อโรคสุกใสในอดีตไม่ได้ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันฝีดาษวานร (ซึ่งเกิดจากไวรัสฝีดาษวานร หรือไวรัสออร์โธพอกซ์)

การติดเชื้อโรคสุกใสในอดีตทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันฝีดาษวานรหรือไม่

มีการตรวจเพื่อหาแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสออร์โธพอกซ์ (ซึ่งฝีดาษวานรเป็นไวรัสในตระกูลนี้) การตรวจจะช่วยยืนยันว่าเคยได้รับวัคซีนฝีดาษหรือฝีดาษวานร หรือเคยรับเชื้อไวรัสออร์โธพอกซ์มาแล้วในอดีต อย่างไรก็ตามการตรวจไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นการได้รับวัคซีน การติดเชื้อฝีดาษวานรหรือติดเชื้อไวรัสออร์โธพอกซ์ในอดีต ด้วยเหตุนี้ การตรวจหาแอนติบอดีจึงไม่ได้นำมาใช้บ่อยนักในการตรวจหาการติดเชื้อในอดีต หรือการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยต้องสงสัยรายใหม่

มีการตรวจเพื่อให้ทราบผลว่าเคยติดเชื้อฝีดาษวานรในอดีตหรือไม่

ขณะนี้ความเข้าใจว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อฝีดาษวานรจะอยู่ในร่างกายนานเท่าใดยังคงมีจำกัด เรายังไม่เข้าใจชัดเจน ว่าการติดเชื้อฝีดาษวานรในอดีตทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อใหม่หรือไม่ และเป็นระยะเวลานานเท่าใด แม้ท่านเคยติดเชื้อฝีดาษวานรมาแล้วในอดีต ก็ควรจะทำทุกสิ่งเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ

หากท่านเคยติดเชื้อฝีดาษวานรมาแล้วในอดีตและขณะนี้มีผู้อยู่ร่วมบ้านติดเชื้อ ท่านสามารถปกป้องคนอื่นๆ ได้ด้วยการรับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยเพราะท่านมีแนวโน้มว่าจะมีภูมิในระดับหนึ่งมากกว่าผู้อื่น อย่างไรก็ตามท่านยังคงต้องทำตามมาตรการป้องกันต่างๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

หากเคยติดเชื้อฝีดาษวานรในอดีต สามารถติดเชื้อซ้ำได้หรือไม่

ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ได้ประกาศเมื่อวันที่ 23  กรกฎาคม ค.ศ.2022 ให้การระบาดของฝีดาษวานรในหลายประเทศครั้งนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ การประกาศเช่นนี้ เป็นระดับการเตือนภัยด้านสาธารณสุขที่สูงที่สุดภายใต้กฎอนามัยระหว่างประเทศ และจะช่วยยกระดับการประสานงาน ความร่วมมือ ตลอดจนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างประเทศ

การร่วมมือกันตอบโต้สถานการณ์จะช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดและปกป้องประชากรเปราะบางได้ ผู้อำนวยการใหญ่ได้ออกข้อเสนอแนะฉบับชั่วคราวให้ประเทศต่างๆต่อสู้กับการแพร่ระบาดและควบคุมสถานการณ์ได้ อ่านถ้อยแถลงฉบับเต็มของผู้อำนวยการใหญ่และร่างข้อแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่

นับตั้งแต่การระบาดเริ่มขยายวงกว้างขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2022 องค์การอนามัยโลกได้มีการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้อย่างจริงจัง โดยมีการออกคำแนะนำด้านสาธารณสุขและด้านการรักษาทางคลินิก โดยการทำงานร่วมกับชุมชน และโดยการรวมตัวนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจำนวนนับร้อยเพื่อเร่งรัดการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับฝีดาษวานร ตลอดจนศึกษาความเป็นไปได้ของการตรวจวินิจฉัยใหม่ๆ ศึกษาวัคซีนและการรักษาที่จะได้รับการพัฒนาขึ้นมา

เหตุใดฝีดาษวานรจึงถูกประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ ฉบับวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ลิงค์ฉบับภาษาอังกฤษ: https://www.who.int/news-room/questions-and-answers/item/mpox