เรื่องและภาพ พลอย พุฒเพ็ง
แปลโดย สุวิมล สงวนสัตย์
คลองลึก ประเทศไทย – เจ้าหน้าที่ของรัฐกำลังควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างได้ผล แต่หากไม่มีการเพิ่มจำนวนบุคลากรและทรัพยากร อาจรับมือได้ยากขึ้นเมื่อผู้ค้า แรงงานและนักท่องเที่ยวกลับมาข้ามชายแดนกันเป็นจำนวนมาก
จุดผ่านแดนที่คึกคักที่สุดคือคลองลึกในจังหวัดสระแก้วซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออก ราว 30.000 คนและรถบรรทุกร่วม 400 คัน ข้ามจุดผ่านแดนนี้เข้ามาทุกวันจนกระทั่งไทยปิดจุดผ่านแดนไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรค นายชัยยนต์ คือลาภ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาวุโสกล่าว การค้าระหว่างชายแดน ณ จุดนี้มีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี (ราวสามพันสองร้อยล้านเหรียญสหรัฐ) แต่ขณะนี้ ไทยอนุญาตเพียงรถลาก รถบรรทุกสินค้าและคนไทยที่จะกลับประเทศเท่านั้น
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งเป็นผู้จัดสถานที่กักกันของรัฐสำหรับคนที่เข้ามาในประเทศจากฝั่งกัมพูชาที่ด่านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว © องค์การอนามัยโลก / พลอย พุฒเพ็ง
ในจังหวัดจันทบุรีซึ่งอยู่ใต้จังหวัดสระแก้วลงไปยังมีจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาบ้านแหลม ซึ่งคนราว 10,000 คนข้ามไปมาช่วงก่อนโควิด ที่นั่น ชาวกัมพูชาที่ทำงานในตลาดบ้านแหลมยังคงผ่านเข้ามาได้
นางสาวอารีย์ ม่วงสุขเจริญ เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย (Migrant Health and Extended Program on Immunization) ได้ไปเยี่ยมจุดผ่านแดนทั้งสองแห่งเมื่อไม่นานมานี้ในฐานะคณะทำงานร่วมจากองค์การอนามัยโลก (WHO) กระทรวงสาธารณสุขและองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก คณะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประเมินความพร้อมและการตอบสนองต่อความเสี่ยงของโควิดในพื้นที่และพยายามหาช่องว่างที่หน่วยงานและภาคีเครือข่ายจะสามารถช่วยเติมเต็มได้
ขณะนี้ผู้ไม่ได้มีสัญชาติไทยที่สามารถเข้าออกได้คือผู้ที่ขนส่งสินค้า ในยานพาหนะคันหนึ่งมีเพียงคนขับและผู้ช่วยหนึ่งคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้ามาได้ คนขับรถบรรทุกไทยสามารถข้ามไปฝั่งกัมพูชา แต่หากคนขับและผู้ช่วยอยากค้างคืนจะต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วันเมื่อข้ามกลับมาฝั่งไทยที่อรัญประเทศซึ่งบริษัทต้องออกค่าใช้จ่ายเอง

นางสาวอารีย์ ม่วงสุขเจริญ เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยแสดงแผ่นพับที่องค์การอนามัยโลกให้การสนับสนุนตีพิมพ์เพื่อแจกแก่ผู้ที่ผ่านด่านเข้ามาจากฝั่งกัมพูชา ณ ด่านคลองลึกซึ่งทางคณะทำงานได้ไปตรวจเยี่ยมเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2563 © องค์การอนามัยโลก / พลอย พุฒเพ็ง
คนไทยที่กลับประเทศต้องแสดงเอกสารรับรองจากสถานทูตหรือสถานกงสุลว่าอนุญาตให้เดินทางข้ามชายแดนได้ในวันใดและต้องมีใบรับรองแพทย์ fit-to-fly นอกจากนี้ต้องเซ็นยินยอมเข้ารับการกักตัว 14 วันอีกด้วย
ผู้เดินทางกลับมาจะมีเจ้าหน้าที่ไปรับที่ด่านคลองลึกโดยเจ้าหน้าที่ทุกคนสวมเฟสชิล์ด หน้ากากและถุงมือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะทำการคัดกรองผู้เดินทางกลับมา ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคโควิด 19 และข้อมูลเกี่ยวกับการกักตัวตลอดจนส่งเสริมให้ป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ และเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น ผู้เดินทางกลับต้องรายงานตรงต่ออาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านซึ่งจะคอยติดตามอาการและความเคลื่อนไหวทางสังคมต่างๆ จากนั้นก็จะเดินทางไปโรงแรมใกล้ชายแดนซึ่งรัฐจัดไว้เพื่อการกักกัน
หากใครมีอุณหภูมิสูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียสต้องถูกส่งไปโรงพยาบาลใกล้ที่สุดทันที โรงพยาบาลประจำจังหวัดสระแก้วสามารถตรวจโควิดได้ 94 ชุดต่อวัน
มีคนไทยเก้าคนเดินทางกลับมาผ่านคลองลึกในวันที่คณะทำงานไปตรวจเยี่ยม ทางคณะทำงานยืนยันว่าการคัดกรองที่ชายแดน การให้คำแนะนำด้านสุขภาพและการกักตัวจัดการได้ดี ตลอดจนการประสานและร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นชายแดนทั้งสองประเทศ สาธารณสุข ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจชายแดน ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ทหาร
คนไทยที่เดินทางกลับมากจากกัมพูชากรอกแบบฟอร์มที่ด่านคลองลึกเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2563 ด่านนี้ถูกปิดระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ยกเว้นสำหรับคนไทยที่จะกลับมา © องค์การอนามัยโลก / พลอย พุฒเพ็ง
คณะฯมีข้องสังเกตว่า แบบฟอร์ม ต.8 ที่ทุกคนต้องกรอกเมื่อเดินทางเข้ามา เก็บข้อมูลเกี่ยวกับโรคติดต่อทั่วไปแต่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับโควิด 19 นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพียงสองคนที่ได้รับมอบหมายให้ประจำจุดผ่านแดนนี้ นอกนั้นเป็นเจ้าหน้าที่เสริมจากสาธารณสุขจังหวัด เนื่องจากมีข้องกำจัดด้านบุคลากร แบบฟอร์มเหล่านี้จึงไม่มีการคีย์เข้าระบบซึ่งจะทำให้ยากต่อการติดตามเนื่องจากสถานการณ์การระบาดในประเทศไทยมีตัวเลขที่อยู่ในระดับต่ำมาได้ระยะหนึ่งช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ความกังวลของผู้คนจึงเปลี่ยนจากการกลัวการติดโรคและหันกลับไปกังวลเรื่องการทำมาหากินแทน
นายชัยยนต์เล่าว่า ในจังหวัดสระแก้ว มีคนไทยสิบคนมีผลตรวจเป็นบวกในช่วงวันที่ 17 มีนาคมถึง 17 เมษายน เจ็ดคนในนี้เดินทางไปเมืองปอยเปตในกัมพูชาซึ่งอยู่ตรงข้ามคลองลึก ทั้งสิบคนหายดีแล้วและหลังจากนั้นไม่มีผู้ป่วยใหม่อีก เจ้าหน้าที่ไทยจึงศึกษาความเป็นไปได้ของการเปิดด่านอีกและนายชัยยนต์บอกว่าทุกคนพร้อมสำหรับการระบาดระลอกสอง
การเปิดจุดผ่านแดนใดก็ตามต้องพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายระดับชาติ และทางสาธารณสุขก็ย้ำเตือนอยู่เสมอว่าเชื้อไม่ได้หายไปไหน ทุกคนยังคงต้องหมั่นล้างมือ สวมหน้ากากและอยู่ห่างจากผู้อื่นหนึ่งเมตรเมื่อทำได้

รถบรรทุกขนสินค้าถูกฉีดพ่นฆ่าเชื้อขณะเข้ามาทางจุดผ่านแดนบ้านแหลมในวันที่ 29 พ.ค. 2563 © องค์การอนามัยโลก / พลอย พุฒเพ็ง
ผู้ค้าและผู้ประกอบการก็กำลังกดดันให้เปิดจุดผ่านแดน เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานว่าผู้ค้าชาวกัมพูชาหนึ่งพันรายประท้วงในฝั่งกัมพูชาตรงข้ามคลองลึกเรียกร้องให้เปิดจุดผ่านแดนจะได้กลับมาทำธุรกิจได้ที่ตลาดโรงเกลือซึ่งเป็นตลาดสินค้ามือสองในฝั่งไทย เมื่อได้ยินว่ามีการประท้วง ผู้ค้าไทยได้ส่งรถบรรทุกจำนวนหนึ่งร้อยคันพร้อมสินค้าไปยังจุดผ่านแดนด้วยความหวังที่จะข้ามไปได้
ต้องมีการรับมือกับข้อท้าทายต่างๆหากจะกลับมาเปิดจุดผ่านแดนได้อย่างปลอดภัย คณะทำงานกล่าว
นอกจากการขาดแคลนบุคลกรและทรัพยากรแล้ว ผู้แปลภาษาและคนที่คอยช่วยเหลืออยู่ตามแนวชายแดนเป็นอาสาสมัครซึ่งอาจจะไม่ได้ว่างเสมอไป นอกจากนี้ยังไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองเพียงพอสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในจุดผ่านแดนอีกด้วย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ชายแดนให้ความรู้แก่คนไทยที่เดินทางกลับมาเรื่องการป้องกันตัวจากโควิด19 ที่จุดตรวจด่านคลองลึกในวันที่ 28 พ.ค. 2563 กลุ่มนี้เพิ่งข้ามกลับมาจากฝั่งกัมพูชา © องค์การอนามัยโลก / พลอย พุฒเพ็ง
มาตรการป้องกันโควิดต้องมีการนำไปใช้ในตลาดโรงเกลือเช่น วัดอุณหภูมิผู้ใช้บริการทุกจุดเข้าตลาด กำหนดให้สวมหน้ากาก มีบริการจุดแอลกอฮอลเจลหรือจุดล้างมือ และให้เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล
เนื่องจากอุปสรรคเรื่องการเบิกจ่ายจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขณะนี้จะมีการตรวจหาเชื้อแค่เพียงหนึ่งครั้งในผู้ที่อยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (วันที่ 5) ซึ่งควรจะตรวจ 2 ครั้งตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค จึงไม่เพียงพอสำหรับการเฝ้าระวังและการค้นหาผู้ป่วยในกลุ่มที่ไม่แสดงอาการหรือก่อนแสดงอาการ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นยังกังวลว่าใครจะออกค่าใช้จ่ายในการตรวจและรักษาแรงงานกัมพูชาที่มาป่วยในไทย
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นวางแผนจะจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 132 เตียงขึ้นตามแนวชายแดนหากเกิดการระบาดในพื้นที่

เจ้าหน้าที่ตม.ตรวจเอกสารรถบรรทุกไทยที่จะข้ามไปยังกัมพูชาที่จุดผ่านแดนบ้านแหลมในวันที่ 29 พ.ค. 2563 รถบรรทุกที่จะผ่านชายแดนต้องถูกฉีดพ่นฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19 © องค์การอนามัยโลก / พลอย พุฒเพ็ง
ชายแดนจะเปิดเมื่อไหร่และอย่างไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของทั้งสองประเทศ การแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างชายแดนในประเด็นโควิด 19 จะช่วยให้เจ้าหน้าที่จัดการกับสถานการณ์ที่ท้าทายได้ กลไกขององค์การอนามัยโลกในส่วนของกฎอนามัยระหว่างประเทศจะเป็นเครื่องมือช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีความร่วมมือในระดับท้องถิ่น เพื่อให้ความเสี่ยงของโควิด 19 ที่จะมากับการข้ามจุดผ่านแดนอยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย ดร.แดเนียล เคอร์เทสซ์ ดร.ริชาร์ด บราวน์ อารีย์ ม่วงสุขเจริญ มณฑิรา นาควิเชียร และกรรภิรมย์ วิบูลย์พานิช
Peter. J. Eng บรรณาธิการ
เครดิตภาพ พลอย พุฒเพ็ง
คลิกที่นี่เพื่อดูภาพเพิ่มเติม
วิดีโอบอกเล่าประสบการณ์โควิด 19 - การตอบสนองของประเทศไทย
หากคุณประสบปัญหาในการอ่านบทความด้านบน กรุณาติดต่อ sethawebmaster@who.int